เดือดร้อนหนัก! ร.ร.เอกชนชื่อดัง แจ้งปิดกิจการล่วงหน้า 14 วัน เด็ก 600 คนถูกลอยแพ

การศึกษา-เดือดร้อนหนัก

ผู้ปกครอง บุก ศธ.​ร้อง ร.ร.เอกชนย่านอ่อนนุช แจ้งปิดกิจการกระทันหัน ต้องหาที่เรียนใหม่กระทบ น.ร.กว่า 600 คน

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านอ่อนนุช กว่า 10 คน ชูข้อความระบุว่า “ผู้บริหารอยู่ไหน สงสารเด็ก มารับผิดชอบต่อการตัดสินใจของพวกคุณด้วย ใจร้าย อย่าทำกับเด็กแบบนี้” “แจ้งปิดร.ร.กะทันหันให้เวลา 14 วัน ไม่ทันเตรียมตัว มีผลกระทบหนักผอ.อยู่ไหน” พร้อมกับยื่นหนังสือร้องเรียน ถึงสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) โดยมีนายมณฑล ภาคสุวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เป็นผู้รับเรื่อง
นางศิริพร นวมสุข ผู้ปกครองของนักเรียนชั้น ป.4 และ ป.6 กล่าวว่า ผู้ปกครองได้สรุปผลกระทบที่ได้รับจากการปิดโรงเรียนกะทันหัน จำนวน 8 ข้อ ดังนี้ 1.โรงเรียนแห่งนี้ เปิดสอนระดับเตรียมอนุบาล ถึงประถมศึกษา (ป.) ปีที่ 6 เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ทางผู้บริหารโรงเรียนส่งหนังสือถึงผู้ปกครอง แจ้งว่าทางโรงเรียนจะปิดกิจการ วันที่ 3 มีนาคม ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 14 วันเท่านั้น ทำให้ได้รับผลกระทบอย่างมาก จากการแจ้งปิดกะทันหันในครั้งนี้ 2.ผู้บริหารโรงเรียน ไม่มีความรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว เพราะเมื่อผู้ปกครองขอเข้าพบผู้บริหารของโรงเรียน เพื่อเจรจาพูดคุยและหารือมาตรการเยียวยา เนื่องจากการปิดกิจการ แต่ทางผู้บริหารของโรงเรียนบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ผู้ปกครองเข้าพบ 3.ผู้ปกครองต้องหาโรงเรียนใหม่เพื่อให้บุตรหลานไม่ทันเวลา นักเรียนหลายคนยังไม่มีที่เรียน นักเรียนเสียสิทธิในการสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนหลายแห่ง เพราะโรงเรียนแจ้งว่าจำนวนนักเรียนเต็มแล้ว ผู้ปกครองบางคนยังหมดโอกาสที่จะเตรียมหาที่เรียนที่เหมาะสมให้กับบุตรหลาน เพราะเวลากระชั้นชิดเกินไป ตลอดจนหมดโอกาสที่จะเลือกโรงเรียนที่สามารถเดินทางรับส่งบุตรหลานที่ไม่ไกลบ้าน และสะดวกต่อการเดินทางของผู้ปกครองในการทำงาน
นางศิริพร กล่าวต่อว่า 4.ผู้ปกครองได้รับความเดือดร้อนในเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องไปสมัครเรียนที่ใหม่ เพราะต้องชำระค่าเทอมที่โรงเรียนใหม่ทันทีเป็นเงินสดเต็มจำนวน นอกจากนั้นผู้ปกครองยังต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ไม่ได้มีการเตรียมตัว เช่น ค่าเครื่องแบบ ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเรียนปรับพื้นฐาน ค่าเรียนซัมเมอร์ เป็นต้น ซึ่งอาจจะเสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 10,000-30,000 บาท 5. ผู้ปกครองหลายคนซื้อเครื่องแบบนักเรียน อุปกรณ์การเรียนกับทางโรงเรียนเดิมไว้จำนวนมาก เพื่อให้นักเรียนมีใช้ในระยะยาว แต่ทางโรงเรียนกลับแจ้งปิดกะทันหัน 6.ผู้ปกครองหลายคนต้องเป็นหนี้ บางคนรูดบัตรเครดิต เนื่องจากต้องชำระค่าเล่าเรียนใหม่เต็มจำนวน 7.ทางโรงเรียนมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย เพราะครูประจำชั้นให้ผู้ปกครองกรอกเอกสารคำร้องขอย้ายโรงเรียน ซึ่งในความจริงแล้วทางผู้ปกครองไม่ได้มีความประสงค์ที่จะย้าย แต่เป็นเพราะโรงเรียนปิดกิจการ ผู้ปกครองเพียงแค่รอรับเอกสารทางการศึกษา และสมุดพก เพื่อนำไปสมัครเรียนเท่านั้น แต่ทางโรงเรียนกลับปฏิบัติเหมือนผู้ปกครองยินดีจะย้ายบุตรหลานไปเรียนที่อื่นเอง และ 8.นักเรียนหลายคนมีอาการซึมเศร้า เนื่องจากต้องแยกย้ายจากเพื่อนตนเอง ซึ่งส่งผลกระทบด้านจิตใจต่อเด็กอย่างรุนแรง
การศึกษา-เดือดร้อนหนัก
“โรงเรียนมีนักเรียนกว่า 600 คน ตอนนี้ เราได้รวบรวมผู้ปกครอง และนักเรียนที่ได้รับผลกระทบกว่า 200 คนแล้ว อยากให้ผู้บริหารโรงเรียนมาพูดคุย หารือกับผู้ปกครอง ว่าจะเยียวยานักเรียนที่ได้รับผลกระทบอย่างไร เช่น อาจจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเข้าโรงเรียนใหม่ เพราะเมื่อสมัครโรงเรียนใหม่ ผู้ปกครองมีค่าใช้จ่ายเยอะมาก และจ่ายเงินอย่างกระชั้นชิด และก่อนหน้าที่โรงเรียนไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะปิดกิจการ แม้ว่าโรงเรียนขาดทุนจริง ทางโรงเรียนควรเรียกประชุมผู้ปกครองเพื่อหารือให้ผู้ปกครองสามารถวางแผนให้บุตรหลานของตนได้ หากโรงเรียนไม่มาเจรจา หรือหาข้อยุติไม่ได้ อาจจะฟ้องโรงเรียนต่อไป ”นางศิริพร

ด้านนายมณฑล กล่าวว่า น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการ ศธ. และนายอรรถพล สังขวาสี ปลัด ศธ.​ มีความห่วงใยเรื่องนี้มาก ต่อไป สช.จะช่วยประสานกับโรงเรียนในสังกัดต่างๆ และจะเชิญผู้ปกครอง และโรงเรียนในกลุ่มเป้าหมาย ที่จะย้ายเด็กไปเรียน มาพูดคุยเพื่อหาทางช่วยเหลือให้นักเรียนทุกคนได้มีที่เรียน จากการตรวจสอบพบว่าโรงเรียนดังกล่าว ยื่นหนังสือขอยกเลิกกิจการ โดยให้เหตุผลว่าในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โรงเรียนประสบสภาวะขาดทุน และมีผู้ปกครองบางคนค้างจ่ายค่าเทอมจำนวนมาก ทำให้โรงเรียนขาดสภาพคล่อง ถ้าโรงเรียนดำเนินการต่อไป ก็อาจจะกระทบต่อคุณภาพการศึกษา เมื่อโรงเรียนยื่นหนังสือขอยกเลิกกิจการ สช.จะพิจารณาก่อนว่าเหตุผมที่โรงเรียนให้มานั้น เป็นจริงหรือไม่ และเมื่อโรงเรียนปิดกิจการ ผู้ปกครอง นักเรียน และครูอย่างไร ขณะนี้ สช.ยังไม่ได้อนุญาตให้โรงเรียนเลิกกิจการ เพราะจะผ่านกระบวนการพิจารณาก่อน

“ทางโรงเรียน แจ้งผู้ปกครองกระชั้นชิดเกินไป ถือเป็นความบกพร่องของโรงเรียน สช. จะรับข้อร้องเรียนที่ผู้ปกครองได้รับผลกระทบทั้ง 8 ข้อ ที่ผู้ปกครองเสนอมา ดูรายละเอียดว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้ปกครองอย่างไร นอกจากนี้ เข้าจะพูดคุยกับโรงเรียน ว่า จะช่วยเหลือผู้ปกครองเพิ่มเติมได้อย่างไรบ้าง แต่เบื้องต้น ทางสช.​ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผมได้โทรหาผู้ได้รับใบอนุญาตก่อตั้งโรงเรียนทันที แต่ทางผู้รับใบอนุญาตไม่สะดวกที่จะพูดคุย ทั้งนี้ สช.ขอให้ความมั่นใจกับผู้ปกครองว่าจะหาทางช่วยเหลือให้ผู้ปกครองได้รับผลกระทบน้อยที่สุด”นายมณฑล กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม : ดีแทค-กรมพินิจฯ จัดหลักสูตรพัฒนาทักษะดิจิทัลให้เยาวชน